9/18/2552

8 ลองวิ่ง


ไปๆ มา วันนี้ก็ได้วิ่งจนได้ ยังไม่ลงตัวนัก
ผมคิดว่าเกียร์มีปัญหานิดหน่อย
แต่เด็กๆ ก็ชอบ วิ่งเพลินๆ นี่ไม่ใช่รถที่วิ่งบนทางด่วนแน่นอน
แต่ก็ไม่เลวเลย ผมนั่งไม่เต็มที่ด้วย นั่งบนแบตนั่นแหละครับ!!!
เดี๊ยวจะมารายงานผล ต้องกลับบ้านก่อนครับ
..................
..................
.................
เกียร์คงจะรูดจริงๆ ด้วย เกียร์ถอยหลังมันฟรีไปเลย
เดี๊ยวผมขอเป็นหัวข้อหน้านะครับ จะบอกให้ว่าทำไม
ผมคิดว่ามันเป็นสาเหตุเลยละครับ น่าจะมาจากตัวผมเองด้วย

ตอนนี้ขอบรรยายความรู้สึกที่ได้ลองขับให้ฟังกันก่อนนะครับ
ขั้นตอนการขับมีดังนี้ครับ....
...บิดกุญแจ ON (หรือใครจะต่อเป็นสวิทช์กดปุ่มเปิด-ปิดก็ได้)
...เข้าเกียร์ 2 หรือ 3 ก็เกินพอแล้วครับ ของผมเกียร์ 2 เข้าไม่ได้
เลยไปเกียร์ 3
....กดคันเร่ง.....แล้วก็คาอยู่อย่างนั้นได้สบายๆ

ไปไหนมาไหนละแวกบ้านนี่หายห่วง ออกถนนใหญ่ก็พอได้
เกจ์ความเร็วรถมันไม่ทำงาน แต่ให้ประมาณก็คิดว่าไม่เกิน 40-50 Km/h
อย่างไม่มีปัญหาใดๆ ทั้งสิ้น รถเคลื่อนที่ไปอย่างเงียบๆ ชิวๆ
มีปัญหาก็เฉพาะแต่กับหมาเท่านั้น.....นี่เป็นครั้งที่สองของผมที่เจอปัญหานี้
หมามันคงไม่คุ้นกับวัตถุเคลื่อนไหวที่ไม่ค่อยมีเสียงแบบรถทั่วไป

ครั้งแรกที่ผมเจอนั้น เวลาประมาณเที่ยงคืนกว่าๆ ระยะทางเกือบกิโลได้
ผมขับรถกอล์ฟไฟฟ้าเพื่อทำการหาค่าระยะทางที่มันวิ่งได้ ผมใช้แบตดำๆ
ลูกกะจิ๋วนึง 12v. 7amp. ใส่กับรถกอล์ฟ มันวิ่งระยะสามสี่กิโล
ไปกลับหน้าปากซอยได้สบายๆ

คืนนั้นผมกะแค่ว่าให้มันปลอดรถซะหน่อย จะลองเหยียบเต็มๆ ดู
ปรากฏว่าหมาที่ตอนกลางวันดูโง่ๆ กลางคืนนี่คนละเรื่อง
ผมขับไปธรรมดา พวกมันเริ่มออกมาเห่า แล้วก็ออกมาเห่ารับกันทั้งซอย
ยิ่งขับ ยิ่งน่ากลัว มันเริ่มมารอหน้าบ้าน แล้วพวกมันก็เริ่มไล่กวด
รถกอล์ฟไม่มีประตู!!!! คิดดูแล้วกันนะครับ หน้า-หลังคุณมีหมาประมาณ 30 ตัว!!!
ใครจะทำอะไรได้นอกจากเหยียบสุดติ่งเลย......

หมาแค่พอวิ่งทัน พวกมันยังไม่สามารถแซงได้ แต่คุณเอ้ยยยย!!!
เสียงหมาเป็นฝูงที่ตามเห่า เขี้ยวขาวๆ ทั้งด้านซ้ายขวา
อยู่ห่างขาผม ในรัศมีไม่เกินเมตร
เป็นเสี้ยวเวลาเพียงไม่กี่วินาทีที่รู้สึกว่ายาวนานมาก
แต่ผมก็ผ่านมาได้จนถึงหน้าปากซอย อาจเพราะนิสัยหมาด้วย
พอไม่มีอะไรให้ไล่ มันก็หันมากัดกันเอง......แวะไปซื้อน้ำมาดื่มสักหน่อย
เชื่อไหมเหงื่อเย็นๆ เต็มหลังผมเลย

นั่งพักสักครู่...จับเอาโวลท์มิเตอร์มาเสียบวัด....ชริบหาย ชริบหาย ชริบหาย
มันมีบางอย่างที่ค่อนข้างจะ technical อ่านไม่ค่อยเข้าใจ (Peukert Effect)
แต่ตอนนี้มันกระจ่างเลย ไว้ผมจะเขียนให้อ่านในหัวข้อแบตเตอรี่นะครับ
มาต่อที่เหตุการณ์คืนนั้นกันนะครับ....แบตเลยระยะเซฟตี้โซนแล้ว
รถกอล์ฟไม่ใช่ของผม หมาพวกนั้น ตีหนึ่งนิดๆ มีตังค์ติดตัวไม่ถึงยี่สิบ
.......คงไม่ต้องเล่าว่าทำยังไง........

พอกลับถึงบ้านก็เข้านอน พรุ่งนี้คงต้องไปหาซื้อแบตใหม่!!!!

(แบตพวกนั้นก็ยังพอใช้ได้ครับ แต่โค-ตรรั่ว ผมเอามาต่อกับมอ'ไซเล็กๆ ให้ลูกเล่นครับ)

3 ความคิดเห็น:

  1. Peukert Effect เอาง่ายๆ นะครับ Kenny G ผมยาวหยิกๆ ที่เป่าแซ๊ก และ Michale Phelps นักกีฬาว่ายน้ำอัจฉริยะของโลก ผมว่าปอดเขาทั้งสองนั้นต้องดีมากๆ Kenny G หายใจหนึ่งครั้งเป่าโน๊ตตัวนึงโชว์พลังได้เป็นนาที ๆ(ปอดใหญ่ กระบังลมดี รูปากเล็ก เทียบได้กับ wattสูง voltก็สูง กิน amp น้อย) นักว่ายน้ำคงหายใจเอาอากาศเข้าปอดได้ไม่แพ้นักเป่าแซ็ก แต่ปากต้องกว้างกว่ามากเวลาหายใจเข้า-ออก (wattสูง และ voltก็สูง และก็กิน amp สูงกว่าแน่นอน ) ยิ่งเหยียบ มันก็ยิ่งกิน ทั้งน้ำมัน-ไฟฟ้า มันเป็นหลักการง่ายๆ ที่เข้าใจกันได้สบายๆ แต่ไฟฟ้าต้องไปให้ลึกกว่าอีกขั้น เพราะมันชาร์จไฟ ได้ช้ากว่าการเติมน้ำมันอย่างเทียบไม่ติด (แต่ก็ถูกกว่ามหาศาลด้วยนะ) เขาเลยมีค่า C ที่ย่อมาจาก capacity - ความจุ ค่าแอมป์ของแบตทั่วไป คือ ประจุที่คาดว่าจะปล่อยได้ทั้งสิ้น ในระยะ 20 ชั่วโมง ถ้าโหมใช้ ก็ไม่ถึง ค่า c1 คือ ค่าที่คาดว่าแบตลูกนั้นๆ จะปล่อยประจุได้ขนาดไหนภายในหนึ่งชั่วโมง จะมีค่าโดยประมาณที่ 55% ของค่า c20 ครับ

    ตอบลบ
  2. ถ้าผมขับเรื่อยๆ ไปกลับหน้าปากซอย....แบตจะไม่เป็นอะไรเลย แต่เจอหมา....ผมเลยเหยียบสุดๆ เหยียบมิดเลย .... ไฟแบตหมดลูกเลย ทิ้งสถานเดียว ทั้งๆ ที่ระยะทางก็เท่ากัน ขับเป็นสิบๆ ครั้งก็ไม่มีปัญหาอะไร
    คงพอเข้าใจนะครับ ถ้าแบตผมใช้ลูกใหญ่ 160-245 แอมป์ อย่างที่เขาใช้กัน มันก็จะไม่มีปัญหาใดๆ ทั้งสิ้น

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ29 กันยายน 2552 เวลา 17:36

    นี่แสดงว่าไม่เคยขับมอเตอร์ไซค์ เจอกันบ่อยค่ะแบบนี้

    ตอบลบ