10/05/2552

ไฟช็อต




หายไปหลายวัน เพราะยุ่งอยู่กับสิ่งประดิษฐ์
ที่ผมกำลังทำเรื่องขอจดสิทธิบัตรอยู่ครับ
ถ้าได้ขึ้นมา ผมคงลงตามแบบฟอร์มต่างๆ
ในช่องอาชีพว่า อื่นๆ - นักประดิษฐ์
แหม..ความรู้สึกมันดีจริงๆ เลยนะครับ
ไม่ยุ่งยาก แต่ก็ไม่ใช่อย่างที่เราคิดกันไว้
นะครับ คิวไม่ยาวเลย ไม่มีคิวด้วยซ้ำ
ไปถึงก็นั่งคุยปรึกษากับเจ้าหน้าที่ได้เลย
ดำเนินเรื่อง แล้วก็อีกเป็นปีจึงรู้ผลครับ

วันนี้ผมเอารถไปเช็คระบบไฟสักหน่อย มันชาร์จไฟไม่เข้า

คาดว่าฟิวส์คงขาด จากการปีนฟุตบาทครั้งที่แล้ว

แต่ก็ไม่ใช่ เป็นเพียงขั้วหลวมนิดหน่อยเท่านั้นเอง

อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่คลำหาสาเหตุนั้น....

มันก็เกิดเหตุการณ์ระทึกขึ้นมา น่ากลัวพอสมควร

ครั้งนี้นับได้ว่าประมาณครั้งที่ 6 ที่ผมได้เห็นไฟช๊อต




มันมีเรื่อยๆ นะครับ....รับประกัน ผมเคยเจอทั้งไขควง

ปลั๊กไฟ เครื่องชาร์จ คีมตัดสายไฟ ขั้วแบต....

ไม่เคยถึงตัว แต่ละลายคามือ ให้เห็นตรงหน้าเลย

ก็อย่างที่เห็นในภาพนะครับ ตะกั่วขั้วแบตกระจาย

ในรัศมี 50 เซนติเมตร ไฟลุกเป็นลูกๆ เลยนะครับ



เรื่องมันเกิดจากการที่ผมพยายามจะวัดแรงดันไฟ

เพื่อเช็คดูว่าเครื่องชาร์จทำงานหรือยัง

Voltmeter ที่ผมใช้ประจำนั้น เป็นพลาสติกแบบ

ในภาพประกอบ อันทางด้านซ้ายมือครับ

ตัวเครื่องเป็นพลาสติก แต่ผมไม่ได้พกติดไปด้วย

ผมยืมของทางร้าน ซึ่งมันมีตัวเครื่องเป็น"เหล็ก"

ตอนนั้นก็ไม่ได้นึกอะไร ทำเหมือนทุกๆ ครั้งครับ

แดง + ดำ - ..... ไม่คาดฝัน....ไฟมันลุกพรึ่บ

วาบขึ้นมาประมาณเทียนแดงไหว้เจ้า มันลุกไหม้

อยู่ประมาณสัก 5 วินาทีเห็นจะได้ แต่กลิ่นตลบ

นะครับ คนนั่งห่างไปสักห้าหกเมตรก็พอได้กลิ่น

ช่างก็อธิบายให้ฟังว่ามันเกิดจากอะไร....

ผมวางเครื่อง Voltmeter เหล็กนี้บนโครงเหล็ก

ที่ต่อสายดินไว้ ไฟมันก็เลย!#$%^&**

ผมฟังไม่รู้เรื่องหรอกครับ แต่อยากจะมาบอกแค่ว่า

ให้ระวัง และซื้อเครื่องมือที่เป็นพลาสติกให้มากที่สุด

เท่าที่จะทำได้ ประแจผมทุกตัวพันผ้าเทปพันสายไฟ

อย่างหนาเลยครับ ไขควงก็ด้วย ถุงมือยางอย่างหนา

ผมก็มีนะครับ แต่ไปๆ มาๆ ก็ไม่ค่อยจะได้หยิบมาใช้



ก็คงได้แต่แบ่งปันประสบการณ์กันตรงนี้แหละครับ

รถไฟฟ้ามันต่อไม่ยากเลย ยิ่งมอเตอร์ไซค์ หรือ

จักรยานด้วยแล้วแป๊บเดียวก็เสร็จ ด้วยความมันส์

อยากเห็นมันวิ่งได้เร็วๆ และไม่มีประสบการณ์ด้าน

ไฟฟ้าเป็นพื้นฐานด้วย ผมคว้าสายไฟจับรวบมา

เพื่อเตรียมตัด-ต่อ เพราะความยาวของมันไม่ถึง

หากรรไกรไม่เจอ เลยคว้าคีมปอกสายไฟมาตัดแทน

ตอนนั้นก็ไม่รู้มันเกิดอะไรขึ้นเหมือนกัน ไม่เจ็บปวด

อะไร ผมคิดว่าตัวเองไม่โดนอะไร แต่ก็มึนเป็นนาที

เลยครับ นั่งมองดูคีมปอกสายไฟ แล้วก็ได้แต่คิดว่า

เหล็กมันละลายได้ขนาดเลยหรือวะ แบตสองลูก 24 v.

สิบกว่าแอมป์เท่านั้น....ก็แถมกันตรงนี้เลยนะครับ

ตัวสำคัญที่ตัดสินว่าจะบาดเจ็บ หรือสาหัสกันขนาดไหน
มันมีหลายๆ ปัจจัย ผิวหนังแห้ง กับผิวหนังที่เปียกชื้น
มีความต้านทานไฟฟ้าต่างกัน 1,000 - 6,000 เท่านะครับ
ผิวหนังเปียกชื้นมีความต้านทาน 1,000 โอห์ม ในขณะที่
ผิวหนังแห้ง 100,000 - 600,000 โอห์ม ผิวหนังหนาๆ เช่น
ฝ่าเท้า จะมีความต้านทานสูงกว่าผิวธรรมดา และภายใน
ร่างกายนั้น มีความต้านทานประมาณ 400-600 โอห์มเท่านั้น
สมองซึ่งอยู่ระหว่างหูถึงหู ตัวเลขอยู่ที่ 100 เองครับ

นึกภาพออกนะครับ เมื่อเราโดนไฟช็อต ผิวหนังจะรับกรรม
เป็นด่านแรก ถ้ามันเปียก ถ้าไฟมันพล่านเข้าร่างกายเราได้
ธรรมชาติของมันจะไหลไปที่ที่มีความต้านทานน้อยที่สุด
ซึ่งก็คือ สมอง ผลก็คือ สมองหยุดสั่งการ ควบคุมตัวเอง
ไม่ได้ คนโดนไฟช็อตจึงไม่สามารถดึงมือกลับได้เอง
ผิวหนังแห้งก็ลดอะไรๆ ลงไปเป็นพันๆ เท่า ผิวเปียกก็เพิ่ม
อัตราเสี่ยงในจำนวนที่น่าตกใจพอๆ กัน แรงดันไฟ-Volt
ไม่ค่อยมีผลอะไรนัก มันเป็นตัวเลขเหมือนกับตัวเลขความเร็ว
ของลมที่เราจาม (ร้อยกว่าๆ กิโลเมตร/ชั่วโมง) แต่มันแค่ผลัก
รถของเล่นให้เคลื่อนที่ได้ไม่กี่เซนติเมตรเท่านั้น ตัวสำคัญ
คือ แอมป์ครับ ( 1 แอมป์ = 1,000 มิลลิแอมป์ ) ไฟแค่ไม่กี่
สิบมิลลิแอมป์ ที่หลุดรอดจากการต้านทานของผิวหนังได้
ก็ทำให้อวัยวะภายในสาหัส หัวใจหยุดเต้น ได้แล้วครับ กระแส
แค่ 100 มิลลิแอมป์ น้อยกว่าดวงไฟในของเล่นเด็กๆ
ที่อวัยวะภายใน เป็นเวลา 3 วินาที เราก็เสียชีวิตได้แล้วครับ

งง งง กันหน่อย ผมก็ว่าตามที่อ่านเจอมา....สรุปง่ายๆ คือ
อย่าให้เกิด - ระวังโลหะ + ไฟฟ้า และบรรเทาเหตุ - แห้ง
ไว้ก่อนนะครับ ลดลงเป็นพันๆ เท่า ผมคงแนะนำได้เท่านี้
ตัวเองก็ยังลุ้นๆ อยู่เลยครับ